ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555


คนมากมายคิดว่าการนอนหลับเป็นเรื่องเสียเวลาและความฝันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่ผู้ศึกษาวิชา dream analysis รู้ว่ามีกลไกทางจิตวิทยาที่ผลักดันชีวิตคนเราอยู่และมนุษยชาติถูกร้อยรัด เข้าด้วยกันกับ universal intelligence หรือภูมิปัญญาจักรวาล ส่วน ‘เสียงภายใน’ ที่มนุษย์รู้สึก เรียกว่า inner intelligence หรือภูมิปัญญาภายใน สองภูมิปัญญานี้สื่อสารสู่กันผ่านทางความฝัน ความผันจึงเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสะสางแก้ไขปัญหาชีวิตและช่วยพาเราไปสู่ self-growth การเติบโตของตัวเราเอง

ตลอดเวลาที่ฉันใช้หลักวิชาวิเคราะห์ความฝันในการช่วยคนรอบข้างตีความ message จากฝันเพื่อช่วยพวกเขาคลี่คลายปมปัญหาและนำทางชีวิตนั้น คำถามยอดอมตะที่ฉันโดนถามอยู่เสมอคือ ‘ฝันแบบไหนถึงจะรู้ว่าเรากำลังจะเจอความรัก’ และ ‘ฝันถึงงู เราจะเจอเนื้อคู่หรือเปล่า?’







คุณอย่ากลัวว่าจะเป็นคำถามปัญญาอ่อนเลยนะคะ ขอบอกเลยว่าในคลังวิชาการวิเคราะห์ความฝัน ทั้งแบบเก่าแก่โบราณ (Traditional dream analysis) ที่เน้น ‘ทำนายดวง (fortune-telling)’ กับแบบความฝันยุคใหม่ (Modern dream analysis) ของ 2 อภิปรมาจารย์ทางวิชาความฝัน คือ ท่านซิกมุนด์ ฟรอยด์ ที่เน้นกลไกทางจิตวิทยา (Psychological meanings) และคาร์ล จัง ที่เน้นการแก้ไขความรู้เชิงจิตวิญญาณ (Spiritual meanings) ต่างมีการบันทึก ความฝันที่เป็นสารบอกเหตุล่วงหน้าเกี่ยวกับคู่ในอนาคต ทั้งนั้นค่ะ ก็เพราะเรื่องความรักและเนื้อคู่นี่เป็นเรื่องยอดฮิตที่คนเกือบทั้งโลกอยาก รู้นะสิค่ะ แล้วเราจะละเลยได้อย่างไรเล่า

ความฝันที่บอกว่าคุณจะได้พบคู่หรือกำลังจะเจอความรัก
1. ฝันถึงงู (งูรัด ถ้างูกัดต้องเป็นงูใหญ่เท่านั้น)
2. ฝันถึงเครื่องประดับสวยงาม โดยเฉพาะอย่างแหวน
3. ฝันถึงน้ำหอม
4. ฝันถึงดอกไม้
5. ฝันถึงฝนตก


* ฝันถึงงู *
‘งู’ ในหลายๆ วัฒนธรรมหมายถึง กามารมณ์ ‘ซิกมุนด์ ฟรอยด์’ ให้ความหมายว่าเป็นอวัยวะเพศชาย บางวัฒนธรรมหมายถึงปัญญาแบบเซียนหรือหมายถึงเทพเจ้า แต่พี่ไทยบ้านเราฟันธงมาตลอดว่า ฝันถึงงูรัดจะเจอเนื้อคู่แน่นอน และฉันขอคอนเฟิร์มว่าจริง!

แต่การฝันถึงงูที่เป็นการบอกเหตุล่วงหน้าว่าคุณจะเจอคู่แน่นอนนั้น ต้องมีลักษณะเฉพาะตรงตามนี้ค่ะ

1. ต้องเป็นงูรัด หรืองูไล่เพื่อจะมารัดเท่านั้น
ถ้างูนอนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ โดยเฉพาะนอนในบ้านคุณหรือกลางป่าเขาลำเนาไพร จะหมายถึงเจ้าที่เจ้าทาง ไม่ใช่เนื้อคู่ค่ะ ลืมไปได้เลย

ตัวอย่าง มีคนฝันเห็นงูใหญ่นอนใต้บ้าน เช่น ใต้ดิน ใต้ถุน ใต้พื้นบ้าน ฯลฯ ใต้บ้านเป็นสัญลักษณ์ของระดับ subconscious หรือจิตใต้สำนึก แสดงว่าเจ้าที่เจ้าทางที่มีภูมิปัญญาประจำบ้านคุณ มาบอกให้ขุดค้นพลังจิตใต้สำนึกออกมาใช้ค่ะ ไม่ใช่หมายถึงว่าจะเจอคู่

ถ้างูกัด จะไม่หมายถึงเนื้อคู่โดยตรง แต่หมายถึงการมีเรื่องกวนใจ มีปากเสียง

งูนั้นต้องมีการสัมผัสร่างกายคุณเท่านั้น เช่น รัดรอบคุณ พันมือ หรือแข้งขาก็ได้ ถ้าไม่สัมผัสถูกเลยก็ไม่ใช่คู่

2. ขนาดของงูมักจะปานกลางถึงใหญ่
ถ้างูตัวเล็ก จะไม่หมายถึงคู่ โดยเฉพาะถ้าตัวเล็กและมาเป็นฝูง

ตัวอย่าง เพื่อนฉันเคยฝันว่าถูกรุมไล่กัดโดยฝูงงูเล็กๆ ยั้วเยี้ย จนต้องหนีขึ้นตลิ่ง ปรากฏว่าเธอมีปัญหากับทีมงานทั้งทีมเลยค่ะ ขนาดงูยิ่งใหญ่ จะหมายถึงความสัมพันธ์ที่เข้มข้นขึ้นตามขนาดงู และถ้างูสวยงาม หรือเป็นงูใหญ่มีฤทธิ์ เช่น พญานาค จะหมายถึงระดับฐานะทางสังคมและชื่อเสียงของคนที่จะเจอ

3. สีของงู จะบอกสภาพอารมณ์ของความสัมพันธ์
สีแดง หมายถึงรักอันร้อนแรงแบบ sexual
สีเหลืองนวลถึงเผือก หมายถึงความรักแบบกัลยาณมิตร เอื้ออาทร เป็นรักแบบ spiritual
สีดำ คือรักแบบคาดหวังและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ หึง งอน แบบมนุษย์ earthy
สีเขียวอ่อน หมายถึงสดชื่น เป็นธรรมชาติ
สีเหลื่อมเลื่อมพิเศษ เช่น สีเขียวมรกต สีทองอร่าม สีเงินประกาย จะหมายถึงระดับฐานะของคู่มากกว่ารูปแบบความสัมพันธ์ เป็นต้น (เราจะเรียนเรื่อง ‘สีในความฝันบอกอะไร’ กันละเอียดอีกทีนะคะ)

ตัวอย่าง ฉันฝันว่างูตัวปานกลางค่อนข้างใหญ่ ประมาณงูแสงอาทิตย์ สีดำแดงสลับกัน เข้ามารัดและกัดฉันหลายครั้ง ต่อมาฉันเจอชายหนุ่มที่ฉันหมั้นหมายด้วย ความสัมพันธ์ของเราเต็มไปด้วยอารมณ์ทุกประเภท ทั้งจี๋จ๋า โรแมนติก เคือง งอน ร้องไห้ ราวกับมิวสิกวิดีโอเพลงอาร์เอส ไม่มีช่วงสงบสุขเลย แต่ก็มันดีค่ะ (ฝันตรงเลยเนอะ)

4. ลักษณะการที่งูเข้ามาหาคุณ บอกสภาพการที่คู่เข้ามาในชีวิต
เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว = เขาเข้ามาแบบรวดเร็วปุบปับ ไม่ตั้งตัว
ค่อยๆ เลื้อยช้าๆ มาคลอเคลีย = ใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์
งูไล่แล้วคุณหนีไม่คิดชีวิต = เขาเป็นฝ่ายรักหรือจู่โจมคุณก่อน (บางกรณีอาจมีปล้ำ อันนี้ไม่ล้อเล่นค่ะ เรื่องจริง มันเกิดขึ้นมาแล้ว)

5. สภาพอารมณ์คุณตอนเจองู สำคัญมากๆ
โบราณว่า ‘ยิ่งกลัวงูมากเท่าไร ความรู้สึกในความสัมพันธ์ยิ่งเข้มข้น’ แหม แต่จะบอกว่าความรู้สึกในฝันนี่เฟคไม่ได้นะเจ้าคะ พอรู้ว่ายิ่งกลัวยิ่งเข้มข้น คุณก็เฟคกลัวกลั๊วกลัวงูในฝันซะเลย ไม่ด้ายค่า!

6. คุณทำอย่างไรกับงู บอกว่าคุณพร้อมแค่ไหนที่จะมีคู่
ปฏิกิริยาคลาสสิกในการฝันว่างูรัดหรืองูไล่มาพันตัว คือ

- พยายามปัดหรือวิ่งหนี แต่ไม่พ้น งูตามมาจนได้ (เสร็จงู ว่างั้นเถอะ) = คุณจะได้คบเป็นแฟนกับคนนี้แน่นอน

- ทำร้ายงู หรือกระทั่งฟันงูขาด กระทืบๆ งูจนตาย = ไม่ว่าปากคุณจะบอกว่าอยากมีแฟนกับเขาซะทีแค่ไหน ในจิตใต้สำนึก จริงๆ คุณกลัวความรักมากๆ ค่ะ และความกลัวการมีคู่ กลัวมีความสัมพันธ์นี้มาแสดงออกในฝัน ยิ่งทำร้ายงูบอบช้ำรุนแรงเท่าไหร่ ยิ่งบอกความกลัวมากเท่านั้น (โถ งูผู้น่าสงสาร) เพราะฉะนั้นคุณอาจเจอคนถูกใจแต่เขาจะผ่านคุณไปในชีวิตจริง โดยที่คุณจะนึกว่า ‘ฝันไม่แม่นเลย’ แต่ที่จริงเป็นเพราะ subconscious คุณไม่พร้อมเปิดใจรับความสัมพันธ์ต่างหาก

- วิ่งหนีสุดชีวิต งูก็ไล่ไม่ลดละ จนสะดุ้งตื่น = subconscious บอกความไม่พร้อมที่จะมีแฟนของคุณ หรือบอกความกลัวที่คุณรู้สึกลึกๆ ว่าคนคนนี้ไม่เหมาะสมกับคุณ จึงแสดงออกในฝันว่าคุณหนีงูสุดๆ และถ้างูตามไม่ลดละ (มุ่งมั่นมาก) อาจไม่ได้หมายถึงว่าคู่ของคุณตามตื๊อคุณอย่างเดียว แต่หมายถึงว่าแม้จะไม่มีความสัมพันธ์กัน เขาก็จะยังคงยืนยันที่จะอยู่ในชีวิตคุณอีกนาน ไม่หายหัวไปง่ายๆ (แต่อาจเปลี่ยนรูปแบบไปคบกันอย่างอื่น เช่น เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อน หรือทำธุรกิจด้วยกัน)

- สงบสุขท่ามกลางงูรัด = เอ๊ะ มีด้วยหรือเนี่ย? มีค่ะ ฉันไง นอนหลับปุ๋ยสบายเลย งูนุ่มดี เหมือนเตียงนุ่มและผ้าห่มห่มฉันให้หายหนาวเลย แสดงว่าสำหรับคู่คนนี้คุณพร้อมให้เขาเข้ามาในชีวิตอยู่แล้ว และสภาพความสัมพันธ์ก็จะสบายๆ อบอุ่น ปลอดภัย แต่ไม่หวือหวานะ


* ฝันถึงเครื่องประดับ อัญมณี ฝันคลาสสิกแต่โบราณ บอกการเจอคู่ *
เครื่องประดับในหลายๆ วัฒนธรรม หมายถึงของหมั้น และเป็นของขวัญสำหรับคนรัก ฟรอยด์ให้ความหมายเครื่องประดับว่า หมายถึงคนที่เรารัก และแหวน เป็นสัญลักษณ์ของ commitment/bond - การผูกมัดทางใจและความผูกพัน

แต่การฝันถึงเครื่องประดับที่บอกเหตุล่วงหน้าว่าคุณจะเจอคู่ ต้องมีลักษณะเฉพาะเช่นกันค่ะ

1. ถ้าเครื่องประดับนั้นเป็นแหวน หมายถึงคู่แน่นอน
- ฝันว่ามีคนสวมแหวนให้ คุณจะได้เป็นคู่กับคนที่คุณรัก
- ฝันว่ามีคนให้แหวน และคุณเอามาใส่ คุณกำลังมีคนหมายปอง (เจ้าของแหวนที่ให้)
- ฝันว่าคุณให้แหวนคนอื่น หมายถึงคุณกำลังรักคนนั้นข้างเดียว

2. ถ้าเครื่องประดับนั้นเป็นกำไล หรือสร้อยคอ ต้องมีการนำมาสวมใส่ลำคอหรือข้อมือ
- หากคุณเป็นคนสวมใส่กำไลหรือสร้อคอให้ตัวเอง หมายถึง การได้พบและแต่งงานกับ คนมั่งคั่ง หากมีคนสวมสร้อคอหรือกำไลให้คุณ คุณจะตกหลุมรัก และเป็นรักที่จริงใจ หากเครื่องประดับแตก หัก ขาด หล่น ความรักและการแต่งงานนั้นจะผิดหวัง

3. ถ้าเป็นไข่มุก โบราณหมายถึง happy marriage
ฟรอยด์จะตีความไข่มุกว่าเป็น female clitoris แต่หลายตำราหมายถึงการพบรักหรือแต่งงานกับคนดีพร้อมทั้งกายใจและทำให้เรามีความสุขมาก


* ฝันถึงน้ำหอม *
น้ำหอม เป็นเครื่องหมายของพลังดึงดูดทางเพศ และความงามที่เปล่งปลั่ง คุณกำลังมีเสน่ห์อย่างมาก จึงดึงดูดคนมาชอบมากมาย คุณจึงมีโอกาสพบคนที่ชอบ ได้เดต แต่อาจไม่ใช่เนื้อคู่


* ฝันถึงดอกไม้ *
ดอกไม้ เป็นเครื่องหมายของความรักและเพื่อนต่างเพศ หมายถึงความหวังที่จะพบรัก ในยุโรปยุคกลาง ดอกไม้ที่มีหนามหักหมายถึงการร่วมเพศ ในอินเดียหมายถึงความสุขสูงสุด คาร์ลยังระบุว่าดอกไม้หมายถึงอารมณ์และความรู้สึก

สีของดอกไม้ที่คุณฝัน หมายถึงความรักแต่ละรูปแบบ
ดอกไม้แดง หมายถึง sexual love รักแบบชู้สาวและมีเพศสัมพันธ์
ดอกไม้ขาว หมายถึง รักบริสุทธิ์
ดอกไม้น้ำเงิน หมายถึง ความรักที่ดวงวิญญาณและความรู้สึกหลอมรวมกันจนแข็งแกร่ง
ดอก snowdrops หมายถึง การเอาชนะหน้าหนาวและความตาย
สีเหลือง หมายถึง รักสามเส้า

โบราณระบุว่าฝันว่าเก็บดอกไม้ เป็นสัญลักษณ์ของการจะพบประสบการณ์ทางเพศ หรือความมั่งคั่งร่ำรวย
ถ้าจับดอกไม้มาจัดเป็นช่องาม หมายถึง การแต่งงานที่ทุกคนยินดีด้วย


* ฝันถึงฝนตก *
น่าแปลกจังค่ะ ทุกตำราความฝันที่ฉันมีระบุว่าฝันถึงฝนตกหมายถึงการพบรัก (ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย) แต่รักนั้นเป็นอย่างไรต้องดูที่ประเภทของฝนค่ะ

ฝนตกปรอยๆ คุณจะพบคนที่รักคุณอย่างจริงใจ
ฝนฤดูใบไม้ผลิ คือความรักที่ดีงาม เป็นความสัมพันธ์ที่ให้ความชุ่มฉ่ำและชุบชีวิตใหม่แก่คุณ หลังจากพ้นฤดูหนาวอันแสบเยียบเย็น

น่าแปลกอีก เรื่องที่ฝันถึงดอกกุหลาบ ฝันถึงเจ้าสาวเจ้าบ่าวหรือพิธีแต่งงาน กลับไม่ได้หมายถึงการพบรัก แต่ไปเน้นเรื่องชีวิตและการค้าแทน

เทศนา ฮา..สุดขีด กับพระพยอม กัลยาโณ




คุณค่าต่างกัน

เป็นคนที่เสียสาว เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วหลายครั้ง พอถึงคราวแต่งงาน...ก็ราคาตก

เพราะไม่มีผู้ชายคนไหน ที่ต้องการเมียที่มีประสบการณ์ทางเพศอย่างโชกโชน ...

ยิ่งมีประสบการณ์มากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งถูก บางคนยกให้ฟรีๆ ยังไม่มีคนอยากได้

ไม่เหมือนกับวัว - ควาย   เวลาเราซื้อวัว - ควาย  ... ถ้าเป็นวัวควายสาว .. เราก็ให้ราคานึง

แต่ถ้าเป็นความที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว และกำลังท้อง ...เราก็จะเพิ่มเงินไห้อีก เพราะให้ไม่ช้า

เราจะได้ควายเพิ่มอีกตัวหนึ่งเป็นของแถม .. แต่ผู้หญิงตรงกันข้าม

ถ้ามีผู้ชายมาสู่ขอ และรู้ว่าเรามีเพศสัมพันธ์แล้วและกำลังจะตั้งท้อง ... เขาอาจจะเปลี่ยนใจ

เอาเงินที่เตรียมมาไปซื้อควายทันทีเลย ...







ข้าวใหม่ ปลามัน

คนเราเวลาแต่งงานกันใหม่ๆ ก็รักกันดี ..หอมหวาน ..เอาอกเอาใจ ..ชื่นชม ..ดมแก้มกันไม่เว้นแต่ละวัน

แต่พออายุ 50-60 เผลอตัว ก้มลงไปจะดมแก้ม... ตกใจแทบช็อค

ใบหน้าแตกระแหง .. เหมือนผืนดินแถวทุ่งกุลาร้องไห้ ..หน้ายู่ ..จมูกย่น คนวัยนี้ทาแป้งเท่าไหร่ หน้าก็ไม่ขาวแล้ว

เพราะเนื้อแป้งมันลงร่องหมด  พวกสาวๆ สวยๆ อย่าลำพองใจให้มากนัก ถ้าไม่เร่งทำความดี อีกไม่นาน

พอเหี่ยวย่น มันก็ทิ้งแล้ว







สอนลูกให้โง่

ในปัจจุบัน .. มีแม่โง่ๆเยอะมาก  ก็ถ่ายทอดความโง่ไปสู่ลูกหลานไม่จบสิ้น

เวลาเลี้ยงลูก ลูกยังเล็ก ซนมาก เดินไปชนโต๊ะเปรี้ยง หกล้ม ร้องไห้จ้า แม่รีบเข้ามาโอ๋ ..ไปประคองลูก

แม่อยากให้ลูกเงียบเร็วๆ  จึงเอาไม้ตีโต๊ะต่อหน้าลูก

" นี่แน่... นี่แน่...มาทำลูกของแม่ได้  แม่ตีให้แล้วลูก หยุดร้องได้แล้ว... " แล้วลูกก็หยุดร้อง เพราะแม่ทำโทษโต๊ะให้แล้ว

แต่หารู้ไม่ว่า ขณะที่ลูกหยุดเงียบนั้น แม่ได้ยัดเยียดความโง่เข้าไปในสมองลูกไม่รู้ตัว

โต๊ะมันตั้งอยู่เฉยๆ เด็กเดินไปชนมันเอง    แทนที่จะสอนลูกว่า  .. " คราวหลัง เดินระวังหน่อยนะลูก จะได้ไม่ชน ไม่เจ็บตัว"

เด็กจะได้ไม่มีความฝังใจว่า  ... ใครทำให้กูไม่พอใจ คนนั้นต้องผิด

ต่อไปเ็ด็กจะเอาแต่ใจ  ไม่พอใจก็ร้องไห้ ไม่ถูกใจก็ร้องไห้ ไม่ได้อย่างใจก็ร้องไห้  ... เข้าสังคมลำบาค เพราะคิดว่า

ตัวเองถูกตลอด คนอื่นทำไรผิดหมด







คนชั้นต่ำ

มีคนพูดกันว่า ..พระพยอมเทศน์ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักคนชั้นสูงชั้นต่ำ มันว่าไปเรื่อย ..

คนอย่างพระพยอมหรือจะไม่รู้จักคนชั้นสูงชั้นต่ำ เพียงแต่ว่าคนชั้นสูงในความหมายของอาตมา อาจจะไม่ตรงกับ

คนชั้นสูงในความคิดคนเหล่านั้นก็ได้ ...

  คนขับแท็กซี่ตามท้องถนน ..ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดจาโกหกเสียดสี ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้คน

ไม่ดื่้มสุราเมามาย มีเมตตา รับผิดชอบเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน คนพวกนี้คือ ...คนชั้นสูง

  แต่คนที่คนเหล้า เมายา เล่นการพนัน หมกมุ่นอยู่กับอบายมุข มักมากในกามคุณ เบียดเบียนผู้อื่น ขาดเมตตา

แต่บังเอิญฟลุคได้เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้ว่า เป็นนายอำเภอ เป็นตำรวจ นายทหาร คนพวกนี้คือ ...คนชั้นต่ำ





คนชั้นสูง

การวัดว่าเป็นคนชั้นสูง หรือคนชั้นต่ำ เขาวัดกันที่ใจ...  ไม่ใช่ชาติตระกูล ตำแหน่งการงาน หรือฐานะการเงิน อย่าเข้าใจผิด

มนุษย์ แปลว่า ผู้มีจิตใจสูง มาจากคำว่า มานะ + อุษยะ

มานะ แปลว่า ใจ

อุษยะ แปลว่า สูง

รวมกันจึงแปลว่า ผู้มีจิตใจสูง คือมนุษย์







คิดในใจ

วันก่อนไปบรรยายที่ รร.ไทยวิจิตรศิลป์ ช่างกล เทคนิค ..มันตีกันบ่อยเลยนิมนต์พระไปเทศน์

นักเรียนที่นี่มันวางก้าม  เดินส่ายอาดๆ เข้ามาเลย พอผ่านพระมันตะโกนถามว่า

" ไหน วันนี้ใครจะมาพูดให้กูฟังโว้ย "

อาตมานึกในใจ  "กูเองแหละ"

แต่ไม่กล้าพูด ... เพราะหน้ามันเหี้ยม ..แล้วก็มากันหลายคน

(55555555555 ขนาดพระยังคิดในใจ)







โสเภณีที่รัก

วันหนึ่งมีคนมานิมนต์ให้ไปเทศน์ให้โสเภณีฟัง ... ตั้งแต่บวชมา เพิ่งจะเจอครั้งนี้แหละ

มันเทศน์ยากพิลึก ... พอไปถึง ทุกคนมองพระเหมือนตัวประหลาด เข้ามาทำไมวะ

พอนั่งปุ๊บ ..มองไปรอบๆ ไม่มีใครสนใจสักคน ..

คิดในใจว่า จะเอาสูตรไหนไปสู้กับมันดีวะเนี้ย ทำใจดีสู้เสือ  เริ่มต้นคำแรกว่า ..



" สวัสดีน้องหญิงผู้มีวาสนาสูง " ... ได้ผลแฮะ ได้ผลดีเกินคาด ทุกคนหันมอง ตั้งใจฝังหูผึ่งว่าพระจะพูดอะไรต่อ

" สวัสดีน้องหญิงผู้วาสนาสูง ..ผู้ขายของเก่ากินโดนไม่ต้องลงทุน ..เมื่อน้องหญิงอยู่ที่บ้าน คนทั่วไปจะเรียกอย่างยกย่องว่า

กุลสตรี  ยกย่องว่าเพศแม่...  แต่พอน้องหญิงมาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ ความเป็นกุลสตรี ความสูงส่งของเพศแม่มันถูกทำลายไป

เขาเรียกน้องหญิงว่า 'อีตัว'  เวลาเขาจะหาความสุขจากเรือนร่างเธอ เขามารับเธอไป เขาไม่ได้พูดให้เกียรติเธอเลย

แทนที่เขาจะบอกว่า มาเชิญเธอไป  เขากับใช้คำว่า หิ้วไป  .. เห็นเราเหมือนเป็ดเหมือนไก่ ไม่ให้เกียรติเราเลย

เราน่าจะกลับไปอยู่บ้าน ใช้ชีวิตทำมาหากินเหมือนเดิม ถึงแม้จะไม่ร่ำรวย แต่เราก็อยู่อย่างมีเกียรติ ... "


10 อันดับเรื่องไร้สาระบนอีเมล์


 อันดับ10 - อีเมล์ลูกโซ่

...ใช่แล้วครับทุกท่าน มันก็คือ จดหมายลูกโซ่ธรรมดานี่แหละ
ที่ส่งกันมาส่งแล้วส่งเล่าตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ยังจีบกันด้วยจดหมายรัก จนถึงยุคที่อินเตอร์เน็ตส่งข้อมูล 10 MB ต่อวินาทีได้แล้ว ก็ยังมีจดหมายแบบนี้อยู่บนโลกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แถมเนื้อหาก็ยังลอกมาจากต้น
ฉบับอาจารย์วิจิตรธรรมโชติเมื่อ 30 ปี ก่อนยังไงอย่างนั้น ช่างน่าภูมิใจจังที่เราสามารถอนุรักษ์มรดกของชาติได้เยี่ยมขนาดนี้ เนื้อหาก็จะประมาณว่าจดหมายฉบับนี้มีมนต์วิเศษ ส่งต่อ 20 คน จะโชคดี ถ้าไม่ส่งตายแน่ เหมือนอย่างนายสมชายสมหมายทหารอากาศอะไรทั้งหลายแหล่ ที่ตายแล้วตายอีกในหลักฐานอ้างอิงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

ถ้าท่านอยากเป็นคนงมงายในยุคอินเตอร์เน็ตก็เชิญส่งต่อนะครับ แต่ถ้าอยากฉลาดขึ้นบ้างก็...ลบทิ้งเสียเถอะ


 อันดับ 9 - เจ้าแม่กวนอิมโชคดี + พระพิฆเนศโชคดี

... สมัย นี้เค้าเผยแพร่ความโชคดีบนอินเตอร์เน็ตแล้วครับท่านผู้อ่าน เมล์ประเภทนี้จะมีรูปเจ้าแม่กวนอิมหรือไม่ก็พระพิฆเนศที่ถ่ายมาจากไหนก็ไม่ รู้ รู้แต่มันเหมือนกันทุกฉบับเลย
ดูเผินๆ บางคนอาจจะแย้งว่า คนส่งเค้าอยากให้คนได้รับโชคดีไง จะบอกว่าเนื้อหาหลักๆ เหมือนกับอันดับ 10 ไม่มีผิดเพี้ยนครับ แค่เปลี่ยนคำว่าโชคร้ายเป็นโชคดีเท่านั้น แถมยังขู่เหมือนเดิมว่าถ้าไม่ส่ง ซวยแน่ กร๊ากๆๆๆ
บางเวอร์ชั่นดีหน่อยครับที่ไม่ได้ขู่มาด้วย

แต่อยากจะบอกว่าการที่เราเช็คเมล์ แล้วพบเมล์จากเพื่อนๆ 10คน
ต่างคนต่างส่งเมล์หัวข้อนี้มาเหมือนกันทุกคน เรียงเป็นตับในเมล์บ็อกซ์ของเรามันน่ารำคาญโว้ยยยยย


 อันดับ 8 - ลูกผมป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว

... อันดับนี้จะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย คือดูเผินๆ แล้วผู้ส่งต้องการความช่วยเหลือแน่ๆ จึงมาโพสท์แบบนี้
บวกหน้าตาที่อยู่พร้อม แต่จะบอกว่าเมล์แบบนี้ ห้าปีผ่านไปก็ยังฟอร์เวิร์ดกันให้เกลื่อน
คือ ถ้าลูกคุณป่วยเป็นมะเร็งและต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ยังรอคนใจดีอยู่ได้ตั้ง 5 ปีแบบนี้
ขอ คาดการณ์ว่าร่างกายคงมีภูมิต้านทานดีขนาดหนักแล้วครับ ไม่ก็ตายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องฟอร์เวิร์ดต่อหรอก เพราะมีกรณีนึงที่มีคนลองติดต่อไปแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง
แต่ทางต้นสายบอกว่าเป็นเรื่องเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผลร้ายจากความใจดีของพวกเรานั่นเองที่เห็น
แล้วสงสาร ฟอร์เวิร์ดไปเรื่อยๆ เผื่อจะเจอใครที่ใจบุญกว่า แต่บอกตามตรง เท่าที่เคยประสบมา
คนฟอร์เวิร์ดจะไม่ให้ความช่วยเหลือ ส่วนคนช่วยเหลือจะไม่ฟอร์เวิร์ด ฮ่วย!

ถึง ผู้ใดก็ตามที่ประสบปัญหาแนวๆ นี้ ขอแนะนำว่าอย่าส่งทางเมล์เลยครับ เพราะเมื่อมันเผยแพร่ในโลกไซเบอร์แล้ว มันค้างนาน และมันจะกระจายเป็นวงกว้างซึ่งไม่มีทางยับยั้งได้
แม้ คุณจะได้รับการช่วยเหลือแล้วคุณก็ยังอาจจะได้รับการติดต่อมาอีกต่อไปเป็น ปีๆ ทางที่ดีไปลงประกาศในหนังสือพิมพ์หรืออะไรทำนองนั้นดีกว่านะ


 อันดับ 7 - ไม่ส่งต่อ ไม่มีแฟน

... ไม่ รู้ว่าคนเราสมัยนี้กลัวการไม่มีแฟนมาก หรือไม่ก็ไม่มั่นใจในฝีมือการจีบของตัวเอง จึงส่งกันเป็นว่าเล่น เมล์ประเภทนี้จะขึ้นต้นด้วยข้อความดีๆ ภาพน่ารักๆ แต่ลงท้ายด้วยข้อความประมาณว่า

ส่ง 1-5 คน จะโชคดีเล็กๆน้อย
ส่ง 6-15 คน จะเจอเนื้อคู่
ส่ง 16-30 คน เนื้อคู่จะโทรมาหาใน 10 นาที (ดูมัน ยังกะโฆษณาทีวีไดเรคต์)
และ ถ้าไม่ส่ง โสดตลอดชาติ ประมาณนี้เป็นต้น สังเกตว่ามีระดับความโชคดีให้เลือกด้วย ใครคิดว่าตัวเองโชคดีอยู่แล้วก็ส่งน้อยๆ ใครคิดว่าดวงซวยก็ส่งเยอะๆ อืม...เหมือนชิงโชคเลยเนอะ แต่รู้สึกส่งชิงโชครายการคุณปัญญาจะมีโอกาสมากกว่าซะอีกนะ

อยากบอกว่า..แฟนถ้าจะมีมันก็คงจะมีเองแหละ ไม่เกี่ยวกับโชคลางบนเน็ตซะหน่อย


 อันดับ 6 - กินชาเขียวเย็นเป็นอันตราย

... เมล์ประเภทนี้มีมาเป็นระยะๆ ตามแต่ว่าอะไรที่ฮิตในช่วงนั้น ช่วงแรกมันเป็นโค้ก กินโค้กแล้วอันตราย เอาตะปูแช่โค้ก 1 วัน ตะปูละลาย

ต่อ มาก็เป็นชาเขียวเย็น กินแล้วไขมันจับ เพราะมันเย็น พิสูจน์ได้ด้วยการเทชาเขียวเย็นลงในชามก๋วยเตี๋ยว แล้วจะเห็นไขมันจับเป็นก้อน ปัดโธ่ เทอะไรเย็นๆ ลงน้ำซุป มันก็จับหมดแหละคุณ (ไม่เชื่อไปลองดูได้) หรือไม่ต้องเทน้ำอะไรหรอก เอาก๋วยเตี๋ยวไปแช่เย็น สักพักมันก็จับไขแล้ว เมล์แบบนี้จะใช้ข้อความเหมือนยกข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาอ้าง

ซึ่งถ้าใครฉลาดๆ หน่อยก็จะจับผิดได้ว่ามันไม่เป็นจริง ส่วนใครโง่ๆ ก็...ฟอร์เวิร์ดต่อปายยย (ล่าสุดนี่รู้สึกจะเป็นโรตีบอยแล้วนะ มันอินเทรนด์ดีโว้ยคนเขียนเมล์แบบนี้)


 อันดับ 5 - จุดจบประเทศไทย

... เขียน โดย นิติภูมิ เนาวรัตน์ ชายหนุ่มผู้มองเห็นประเทศอื่นดีกว่าเราในทุกด้าน ส่วนเมืองไทยนั้นกระจอก คอรัปชั่น เฮงซวย ล่มสลายแน่ๆ ถ้าไม่เชื่อกรู ไม่รู้มันเกิดมาเป็นคนไทยทำไมเหมือนกัน เมล์ชนิดนี้เนื้อหาเหมือนต้นฉบับเพราะลอกมา เนื้อหาจะเกี่ยวกับประเทศไทยในปี 2550 ที่จะถูกน้ำท่วม ภัยพิบัติ ฯลฯ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเหมือนอาร์เจนติน่า ฯลฯ ดีเหมือนกันวงการฟุตบอลบ้านเราจะได้ไปบอลโลกซะที

เมล์ แบบนี้จริงๆ ก็จัดว่ามีประโยชน์ เสียแต่ว่ามันทำให้เกิดความแตกแยกได้ง่าย หากผู้อ่านไม่มีวิจารณญาณ จริงๆ คือพวกเราได้แต่อ่านแล้วก็ส่ง ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเกลียดคนที่ถูกอ้างถึงในเมล์ โดยไม่มีหลักฐานอย่างอื่นประกอบการตัดสินใจเลย อีกอย่างคือ เมล์แบบเนี้ยไม่ต้องส่งหรอก ถ้าในปี 2550 มันจะ เป็นอย่างที่อ้างจริงๆ ผู้เขียนเค้าก็มีหลักฐานการเขียนของเค้าอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องส่งต่อเพียงเพื่อประกาศให้รู้ว่ากรูเก่งหรอก มันน่ารำคาญรู้มั้ย เพราะว่ามีเมล์เนื้อหานี้ในเมล์บ็อกซ์เกือบร้อยฉบับแล้ว


 อันดับ 4 - ฟอร์เวิร์ดไป 18 คนแล้วกด Alt+F8

... ไม่รู้ว่ามีที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจเป็นเพราะโปรแกรมอีเมล์เมื่อสมัยสิบปีก่อนมีฟังก์ชั่น Atl+F8 ก็ ได้ ปัจจุบันมันไม่มีใช้แล้ว แต่เมล์แบบนี้ก็อาศัยความอยากรู้ของผู้ส่ง มาทำให้มันถูกฟอร์เวิร์ดมาเรื่อยๆ นับสิบปีแล้ว (พูดตรงๆ ก็คือผมได้เมล์แบบนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่นเน็ตเมื่อปี 2543 จน บัดนี้ก็ยังได้รับอยู่) เนื้อหาก็จะเป็นว่า มียายแกไปซื้ออาหารหมา อาหารแมว สุดท้ายก็ให้คนขายล้วงไปในกล่อง ถ้าอยากรู้ว่าในกล่องมีอะไร ให้ฟอร์เวิร์ดไป 18 คน แล้วกด Atl+F8 หรืออะไรทำนองนี้ ก็จะพบคำตอบ
บางเมล์เล่นง่ายกว่านั้น ไม่ต้องอารัมภบทมาก มาถึงก็บอกให้ส่งเลย แล้วกดดูจะพบว่ามีอะไรเปลี่ยนไป

ไม่ต้องส่งต่อนะครับ ขอร้อง เพราะตั้งแต่มันถูกส่งมาในโลกนี้ ยังไม่เคยมีใครสักคนรู้เลยว่ากด Atl+F8
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ...จริงๆ อาจจะพบก็ได้ ...พบว่าตัวเอง>>โง่<


 อันดับ 3 - รูปถ่ายวิญญาณ ชายผู้ล่วงลับ


... เมล์ แบบนี้เอาความน่ากลัวเข้าว่า เริ่มจากบอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มที่ไปเที่ยวป่า แล้วถ่ายรูปติดวิญญาณมา สองสามวันถัดมาเขาก็ตาย หากใครไม่อยากตาย ให้ส่งต่อ 10 คน มิฉะนั้นวิญญาณในรูปจะตามไปที่บ้าน ตบท้ายด้วยรูปถ่ายวิญญาณที่น่ากลัวก็จริง

แต่รู้ว่าตัดต่อ เพราะไอ้ผีในรูปนั้น ไปเสิร์ชเวบผีเวบไหนมันก็มี (ใครไม่มี เชยมาก) เป็นรูปต้นแบบที่ถูกนำมาใช้ตัดต่อบ่อยที่สุด


 อันดับ 2 - ยายมาหา

... อัน นี้ยังเล่นกับความน่ากลัวไม่เลิก ด้วยการให้เด็กชายคนหนึ่ง เล่าเรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับยายตัวเองจะมาเอาชีวิต แกเลยหาทางรอดด้วยการบอกว่าให้ไปเอาชีวิตคนอ่านเมล์นี้แทน
ฉลาดมากหนุ่มน้อย ไม่ยักรู้ว่ายายเอ็งเล่นเน็ตเป็นด้วย เมล์นี้ยอมรับว่าน่ากลัวจริง แต่ก็ได้มาจนหายกลัวไปแล้ว
ถ้ายายอยากได้วิญญาณจริง ไปหาวิญญาณเป็ดไก่ตามตลาดสดจะเจอเยอะกว่านะยายจ๋า วันนึงเป็นร้อยตัวเลย


 อันดับ1 - ฮ็อตเมล์เก็บตัง
... มาแล้วครับ กับอันดับยอดฮิตที่สุดบนโลกมนุษย์ เมล์นี้มีเนื้อหาบอกว่า ทางฮ็อตเมล์จะทำการเก็บเงินผู้ใช้เมลล์ @hotmail โดยผู้ส่งเมล์จะให้พวกเราช่วยกันฟอร์เวิร์ดไปเยอะๆ เค้าจะได้สงสาร และยกเลิกการเก็บตัง เมลล์ แบบนี้ก็ได้มาตั้งแต่เล่นเน็ตสมัยแรกๆ แล้วถ้ามันเป็นจริง ก็นับว่าฮ็อตเมล์ใจดีมาก จะเก็บตังมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ไม่เก็บสักทีเพราะมีคนฟอร์เวิร์ดเยอะ ว่าแต่มันจะรู้ได้ไงวะว่ามีคนฟอร์เวิร์ดน่ะหืม? แรกๆ มันเป็นแค่ข้อความ ต่อมานี้ลงทุนทำแบนเนอร์ปลอมที่มีสัญลักษณ์ฮ็อตเมล์ให้ดูน่าเชื่อถือขึ้น
ล่าสุดนี่สงสัยรู้ตัวว่าไม่ได้ผล เลยใส่เพิ่มลงไปในหัวข้อด้วยว่า
คราวนี้เอาจริงแล้ว ฮ็อตเมล์จะเก็บตังเราแล้วล่ะ! (มีการขู่ 555)

เคย ลองทำเมล์ปลอมแบบนี้เหมือนกัน เพื่อให้เลิกส่งเมล์สไตล์นี้ โดยการใช้เนื้อหาว่าฮ็อตเมล์ต้องเสียเงินนับร้อยล้านดอลล่าร์เพิ่อแก้คดีคน เข้าใจผิดว่าเขาจะเก็บตัง และประกาศจะจับตัวผู้ที่ส่งเมล์ที่ทำให้ทางเขาเสียหาย นั่นคือใครฟอร์เวิร์ดเมลล์แบบนั้นอีก จะถูกตามรอยมา
ถึงบ้านและถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกันทุกคน ผลก็คือ FWD mail หัวข้อ ฮ็อตเมล์เก็บตัง ก็ยังคงฮิตไม่เสื่อมคลาย

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..คนเรากลัวไม่ได้ใช้ฮ็อตเมลล์ มากกว่ากลัวถูกจับซะอีก 555
ทั้งหมดนี้เขียนขึ้นมาก็เพื่ออยากจะประกาศให้โลกรู้ว่า เมล์เนื้อหาแบบเนี้ย มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากแสดงให้คนรู้วาคุณโง่ เชื่อในเรื่องเหลวไหล และเพิ่มเนื้อที่เมล์ขยะในเมลล์บ็อกซ์ของคนอื่นโดยใช่เหตุ แถมเมล์บางอันก็ยังปลูกฝังความเชื่อผิดๆ ซะอีก (เช่นเมล์ชาเขียวเย็นอันตราย) เป็นการโจมตีคู่แข่งทางการค้าได้โดยไม่ต้องเสียตังอะไรเลย ใช้ประโยชน์จากคนโง่ๆ ที่หลงเชื่อนั่นแหละ

เลิกฟอร์เวิร์ดได้แล้ว เชื่อว่าใครที่เล่นเน็ตมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ก็เคยได้รับเมล์แบบนี้กันหมดแล้วล่ะ มาช่วยกันฟอร์เวิร์ดแต่เมล์เนื้อหาดีๆ มีคุณค่า อ่านแล้วถึงไม่ได้สาระก็ขอให้ได้ความสบายใจหน่อยเถอะนะ

เรื่องของผู้หญิงที่ผู้ชายไม่เข้าใจ


ผู้ชายชอบพูดเสมอว่าผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากที่สุด!! พวกเขาต้องใช้ความอดทนและความพยายามอย่างสูงที่จะทำตามใจพวกเธอ แต่ในความเป็นจริงผู้หญิงไม่ได้เข้าใจยากขนาดนั้นหรอกจริงไหม





พวก เราที่เป็นผู้หญิงรู้ดีว่าเราต้อง การอะไร เพียงแต่ในบางครั้งการบอกอะไรไปตรงๆ มันก็ทำให้ผู้หญิงเราดูเสียฟอร์มไปสักนิด แล้วอะไรบ้างล่ะ?? ที่ผู้ชายเขาสงสัยในตัวของพวกเรา มันอาจเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว และเข้าใจยากไปสักนิด แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับความเป็นผู้หญิงของเราจริงๆ เลยล่ะ

ทัศนคติของผู้หญิงเปลี่ยนไปหลังจากเป็นแฟนกันแล้ว
3 เดือนแรกสำหรับความรักของเธอมันช่างงดงามเสียจริง นี่เป็นเสียงที่ผู้ชายหลายคนพูดออกมา พวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้หญิงมีเหตุผลอะไรที่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงในช่วงแรก ที่เริ่มคบกัน แต่พอหลังจากที่เวลาล่วงเลยผ่านไปทุกอย่างเหมือนโดนสับขาหลอกกลับด้านไปหมด นั่นเป็นเพราะเราไม่กล้าเปิดเผยตัวตนว่าที่จริงแล้วเรามีทัศนคติยังไงกับ เรื่องที่คุยกัน คุณอาจไม่มั่นใจว่าความคิดของคุณมันจะตรงใจเขาหรือไม่ ทำให้คุณต้องสร้างสถานการณ์ตามใจให้เขารู้สึกว่าคุณกับเขามีอะไรที่คล้ายกัน เขาจึงไม่รู้จักตัวตนของคุณ วาดฝันคิดเองเออเองไปว่าคุณเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่ไม่มีทางได้รู้ตัวตน จริงๆ ของคุณ เพราะฉะนั้น แสดงตัวตน และความคิดเห็นที่เป็นคุณจะดีกว่า ถ้าคบกันไปแล้วเขาพบว่าคุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจ ความสัมพันธ์ของคุณและเขาอาจพังลงได้เพราะเรื่องการเปลี่ยนแปลง

ทำไมผู้หญิงต้องปากไม่ตรงกับใจ
เรื่องปากไม่ตรงกับใจเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้บรรดาผู้ชายต้องคิดคำนวณซ้ำ แล้วซ้ำอีกว่าคำพูดที่ออกมาจากปากพวกผู้หญิงนั้น เธอรู้สึกตามนั้นจริงหรือเปล่า อย่างเช่น ถ้าแฟนของคุณบอกว่า ผมขอเล่นเกมได้ไหม ถึงแม้ผู้หญิงตอบว่า ตามใจสิ มันก็ยังทำให้เขาต้องคิดต่อว่าคุณตอบด้วยความรู้สึกยินยอมและเต็มใจหรือไม่ เพราะจากประสบการณ์ที่ผู้ชายเจอนั้น คำตอบสไตล์นี้อาจตามมาด้วยอารมณ์บึ้งตึง เพราะผู้หญิงเรามักจะไม่พอใจและคิดว่า เขาเห็นความสำคัญของเกมมากกว่า ทางแก้คือตอบคำถามให้ตรงกับความต้องการของหัวใจคุณดีกว่า ถ้าคุณอยากให้เขาใช้เวลานี้ร่วมกับคุณมากกว่าที่จะให้เขาเล่นเกมสนุกสนานโดย ที่คุณต้องนั่งโดดเดี่ยวอยู่ข้างๆ ก็พูดออกไปตรงๆ เลยว่าคุณอยากทำอะไรพร้อมเขาบ้างในตอนนี้ แต่ควรเป็นคำพูดในลักษณะขอร้องเช่น เราดูดีวีดีเรื่องนี้พร้อมกันดีกว่าไหม? เพียงแค่นี้เขาก็สามารถรู้ได้ว่าคุณได้ตอบออกมาเป็นประโยคปฏิเสธแล้ว บรรยากาศจะได้ไม่ตึงเครียดแค่เพราะคุณปากไม่ตรงกับใจ

ผู้หญิงมองการแต่งงานเป็นจุดสูงสุดในชีวิต
มันยากที่ผู้ชายจะเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงอยากแต่งงานกันนักหนา และพวกเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ เสียด้วยว่าทำไมผู้หญิงถึงมีความคาดหวังกับการแต่งงานสูงขนาดนั้น นอกจากพวกเขาจะรู้สึกว่าผู้หญิงชอบเปรียบเทียบตัวเองเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน เมื่อมีผู้ชายมาขอแต่งงานก็ทำให้นิทานเรื่องนี้จบแบบแฮบปี้เอนดิ้งแล้ว พวกเขายังรู้สึกอึดอัดกับพฤติกรรมที่ผู้หญิงกดดันให้เขาเอ่ยปากขอแต่งงาน ด้วยสถานการณ์และคำพูดต่างๆ นาๆ ซึ่งจริงๆ แล้วการแต่งงานเมื่อเกิดขึ้นมันไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบแบบสวยหรู แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่คุณและเขาต้องฝ่าฟันและใช้ชีวิตร่วมกันไปยาวนานต่าง หากล่ะ

3 เรื่องหลักที่ผู้ชายพยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมผู้หญิงเราถึงได้เป็นแบบนี้ แต่สำหรับผู้หญิงแล้วทุกอย่างมีเหตุผลซ่อนอยู่ทั้งนั้น แต่ก็อาจมีบางครั้งที่ทำไม่ถูกวิธี ลองเอาเทคนิคพวกนี้ไปปรับใช้ดูหน่อยจะได้ช่วยลดความสงสัยจากใจของพวกผู้ชาย ได้บ้าง แต่ถึงพวกเขาจะสงสัยและไม่เข้าใจในความเป็นหญิงของเราแค่ไหน



มั่นใจเถอะว่าพวกเขาก็ขาดผู้หญิงเจ้าปัญหาอย่างพวกเราไม่ได้หรอกค่ะ

เปิดโผ 10 อาชีพที่เครียดที่สุดในปี 2011







คงจะปฏิเสธ ไม่ได้เลยว่าปัจจุบันโลก ของเรามีปัญหารุมเร้ามากมาย เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2011 เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ดินถล่ม พายุฝนตก หิมะตกหนัก โลกร้อน ฯลฯ ซึ่งจากการ ที่หลายพื้นที่ หลายประเทศต้องประสบปัญหาทางภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพ มลพิษทางอากาศ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังประสบในขณะนี้ หลายประเทศรายได้ของคนส่วนใหญ่ยังเท่าเดิม อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงต่ออาชีพในอนาคต แต่ค่าครองชีพกลับพุ่งสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนนำมาซึ่งความเครียด ทั้งนี้ ผลการสำรวจล่าสุดของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกมายืนยันแล้วว่า ลูกจ้างกว่า 70% กล่าวว่า งานเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาเกิดความเครียด
สำหรับการ สำรวจภาพรวมของอาชีพต่าง ๆ รวม 200 อาชีพของสมาคมจิตวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า 10 อาชีพที่สร้างความเครียดได้มากที่สุดในปี 2011 นี้ มีดังนี้





1. นักบิน

อันดับความเครียด 199
คะแนน 59.53
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 91 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9
รายได้ต่อปี $106,153.00

นักบินของสายการบินพาณิชย์ต่าง ๆ มีระดับความเครียดสูง เนื่องจากพวกเขาจะต้องรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารหลายชีวิตในแต่ละเที่ยว บิน อีกทั้งยังต้องทำงานภายใต้ระยะเวลาที่เข้มงวด เนื่องจากพวกเขาต้องนำเครื่องบินลงสู่ที่หมายให้ตรงตามเวลาไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นใดก็ตาม


2. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์

อันดับความเครียด 198
คะแนน 47.60
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 111 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9
รายได้ต่อปี $90,160.00

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างและรักษาภาพลักษณ์ของบริษัทให้ดีต่อหน้าสาธารณชน และยังต้องคอยนำเสนองานต่าง ๆ ต่อหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ


3. ผู้บริหารระดับสูง

อันดับความเครียด 197
คะแนน 47.41
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 143 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 11
รายได้ต่อปี $161,141.00

ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการต่าง ๆ ภายในบริษัท ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสามารถประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง ผู้บริหารระดับสูงนี้มักจะถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ใน เรื่องราวต่าง ๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง และมีทัศนวิสัยกว้างไกล มองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรอบด้าน นอกจากนี้พวกเขายังต้องเผชิญความเครียดเนื่องจากเขาเป็นผู้ชี้ชะตาของบริษัท หากตัดสินใจผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้บริษัทถึงกับล้มละลายได้ภายใน พริบตา


4. ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์

อันดับความเครียด 196
คะแนน 47.09
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 113 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท
รายได้ต่อปี $40,209.00

ช่างอัดรายการข่าวโทรทัศน์จะต้องรู้จักจับภาพจากเรื่องราวต่าง ๆ ให้ปะติดปะต่อสอดคล้อง และเน้นจุดสำคัญให้ได้โดยผ่านเลนส์ และในบางครั้งพวกเขาก็ต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้ข่าวมาเนื่องจากความ อันตรายของพื้นที่ที่ทำข่าวแล้ว ยังมีกำหนดเวลาส่งงานที่เข้มงวด และปัญหาความผิดพลาดทางเทคนิคที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในบางครั้ง


5. ผู้สื่อข่าว

อันดับความเครียด 190
คะแนน 43.56
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 129 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8
รายได้ต่อปี $50,456.00

ผู้สื่อข่าวจะต้องเตรียมข่าว และถ่ายทอดข่าวออกอากาศให้กับผู้ชมทางโทรทัศน์ โดยปกติพวกเขาจะต้องถ่ายทอดข่าวแต่ละวันจากสตูดิโอ แต่บางครั้งก็ต้องออกภาคสนามเช่นกัน ซึ่งใน 24 ชั่วโมง มีข่าวต่าง ๆ มากมายเข้ามาเรื่อย ๆ จึงทำให้พวกเขาค่อย ๆ สะสมความเครียดเข้าไป นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันสูงจากการหาข่าวแข่งกับ ที่อื่น ๆ และต้องอัพเดทข่าวให้เร็วที่สุด


6. เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชี

อันดับความเครียด 189
คะแนน 41.05
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 135 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5
รายได้ต่อปี $62,105.00

เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีจะเป็นผู้ดูแลบัญชีของบริษัท ซึ่งพวกเขาจะต้องใช้สมองอย่างหนักในการคำนวณเลขมากมายให้ถูกต้องแม่นยำ พิจารณารายละเอียด และทำงานได้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลาอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงส่งผลให้พวกเขาเกิดภาวะกดดันทางอารมณ์และมีอาการเครียดเรื้อรัง ตามมาได้


7. สถาปนิก

อันดับความเครียด 185
คะแนน 39.93
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 88 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8+
รายได้ต่อปี $73,193.00

สถาปนิกจะต้องวางแผน ออกแบบ และควบคุมตรวจตราโครงสร้างของอาคารที่พักต่าง ๆ ซึ่งจะต้องมีการคำนวณอย่างแม่นยำก่อนจะส่งให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างต่อไป ดังนั้นสถาปนิกจึงต้องจัดการกับความเครียดและความกดดันจากการออกแบบวางแผน เพื่อไม่ให้งานเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้เลย


8. นายหน้าค้าหุ้น

อันดับความเครียด 184
คะแนน 39.70
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 98 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 8
รายได้ต่อปี $67,470.00

นายหน้าค้าหุ้นจะช่วยให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้นทำได้อย่างสะดวกมากยิ่ง ขึ้น และพวกเขาต้องคอยเกาะติดกับความผันผวนของหุ้นแต่ละตัวซึ่งมีอยู่เป็นจำนวน มาก ดังนั้นความเครียดของพวกเขาก็ผันผวนตามการขึ้นลงของหุ้นในตลาดเช่นเดียวกัน


9. เวชกิจฉุกเฉิน (EMT)

อันดับความเครียด 183
คะแนน 39.68
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 100 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่
รายได้ต่อปี $30,168.00

เวชกิจฉุกเฉิน(EMT) คือ เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ได้รับบาดเจ็บจาก อุบัติเหตุและภัยพิบัติในสถานที่เกิดเหตุ พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้ป่วยที่อยู่ในมือพวกเขาในทันการในการนำผู้ ป่วยจากที่เกิดเหตุมายังโรงพยาบาล อีกทั้งเวลาการทำงานไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการแจ้งเหตุของผู้ป่วย


10. นายหน้าอสังหาริมทรัพย์

อันดับความเครียด 181
คะแนน 38.57
ลำดับความต้องการในตลาดแรงงาน 31 จาก 200
จำนวนชั่วโมงทำงาน 9.5
รายได้ต่อปี $40,357.00

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นคนกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจะต้องทำงานอย่างยาวนาน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุดสุดสัปดาห์ และทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจโดยต้องคอยเปิดตัวอย่างบ้านให้กับลูกค้าดูทีละราย นอกจากนี้จากสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ บวกกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการแข่งขันของธุรกิจนี้อย่างสูง ดังนั้นอาชีพนี้จึงสร้างความเครียดให้กับพวกเขาได้ไม่น้อยเช่นกัน

เปิดใจครูอังคณา


นางอังคณา แสบงบาล อาจารย์ที่ปรึกษาห้อง ม.1/9 โรงเรียนกระทุ่มแบน วิเศษสมุทคุณ จังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้สัมภาษณ์กับ @yoware เพื่อชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และมีการเผยแพร่ภา่พผ่าน youtube โดยครูอังคณา ระบุว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย "บอล" ซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง ตั้งกลุ่ม ม.1/9 ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก เพื่อให้เพื่อนในห้องได้พูดคุยกัน และครูก็ได้ตั้งกฎไว้ 3 ข้อ คือ เวลาคุยกันห้ามใช้คำหยาบ ห้ามพูดคุยเชิงชู้สาว และใครที่จะแจ้งข่าวสารอะไรที่สำคัญในหน้าเฟซบุ๊กก็ให้โทรบอกกันด้วย

ครูอังคณา เล่าต่อว่า เมื่อตั้งกลุ่มแล้วเด็ก ๆ ในห้องก็มาโพสต์ข้อความบอกข่าวกันในกลุ่ม ม.1/9 ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปดูบ่อยนัก แต่มาทราบภายหลังว่า มีการบล็อกไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่มด้วย "โต๊ด" ก็เลยไปโพสต์คลิประบายความในใจ ตนจึงได้เรียกสมาชิกในห้องมาคุยกันว่า ไม่ให้ทะเลาะกันแบบนี้ ซึ่งเด็ก ๆ ก็เข้าใจกันดีแล้วเรื่องก็จบไปตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว แต่เรื่องคลิปของ "โต๊ด" ที่เพิ่งจะมาปรากฏนั้น ก็ไม่ทราบว่ามีที่มาจากไหน เพราะเรื่องทั้งหมดเด็ก ๆ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันไปแล้ว ส่วนเด็ก ๆ ในห้องก็งงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน

"ทราบเรื่องนี้ เพราะมีเด็กนักเรียนบอกมาว่า ตอนนี้มีคนไปสร้างเพจปลอม โดยใช้ชื่อดิฉัน ใช้ชื่อโต๊ด ใช้ชื่อบอล โพสต์คุยกันในเพจ และมีหลายคนไม่รู้เรื่องเข้าใจว่าเป็นตัวจริง ก็เข้าไปคอมเมนท์ ว่าโต๊ดบ้าง ว่าบอลบ้าง แสดงความเห็นใจบ้าง ซึ่งดิฉันก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะทั้งดิฉัน โต๊ด บอล ไม่ได้สร้างเพจนี้แน่ ๆ และปกติก็ไม่ค่อยได้เข้าอินเทอร์เน็ต เข้าเฟซบุ๊กอยู่แล้ว จึงขอให้คนที่เข้าไปเล่นในเพจอย่าเชื่อว่าดิฉัน เป็นคนโพสต์ หรือสร้างเพจนี้"

ส่วนวลีฮิตที่ว่า "จะฟ้องครูอังคณา" นั้น ครูเจ้าของวลีเด็ดนี้ ชี้แจงว่าอาจจะเป็นเพราะตนเป็นที่ปรึกษาของห้อง ม.1/9 และพูดกับเด็ก ๆ ไว้ว่า เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในห้องให้บอกครู อย่าให้ครูรู้จากคนอื่น ก็เลยทำให้เด็ก ๆ มาปรึกษาครูทุกเรื่อง แต่คงไม่ใช่เพราะตนเป็นครูที่ดุเลยทำให้เด็ก ๆ พูดกันว่าจะฟ้องครูอังคณา เพราะที่ผ่านมา ไม่ใช่ครูที่ดุเลย ปกติก็ไม่ค่อยตีเด็กด้วย

ขณะที่ "บอล" ซึ่งมีชื่อในคลิปว่าเป็นคนบล็อก "โต๊ด" ไม่ให้เข้ากลุ่มนั้น ได้ออกมาเล่าเช่นกันว่า สาเหตุที่ไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่ม เพราะเวลาเพื่อน ๆ ในห้องคุยงานกัน "โต๊ด" จะไม่ออกความเห็น แต่จะพิมพ์ ... จำนวนมาก ซึ่งในเฟซบุ๊กรับได้แค่ 99 ข้อความ แต่ "โต๊ด" พิมพ์... มาเป็นร้อย ทำให้งานหาย คนในกลุ่มจึงลงความเห็นกัน และให้ตนซึ่งเป็นแอดมินไล่ "โต๊ด" ออกจากกลุ่มไปในตอนนั้น

ง้อกับงอน


ง้อกับงอน อีกเรื่องที่ผู้ชายก็ต้องทำความเข้าใจ เหมือนอย่างที่เหรียญมีสองด้าน ซ้ายคู่กับขวา ช้อนคู่กับส้อมหรือรองเท้าต้องมีสองข้าง จะว่าไปแล้วอาการ "ง้อ" กับ "งอน" นั้นเป็นสิ่งคูกันที่อยู่คนละขั้วไม่ต่างจากตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นเท่าใดนัก



ในพจนานุกรมคำว่า ง้อ กับคำว่างอนอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่คำกั้นกลาง แต่กลับเป็นอาการที่อยู่ในขั้วตรงข้ามกันกันสุดขีด



"ง้อ หมายถึง ขอคืนดีด้วย โดยไม่มีทิฐิมานะถือโกรธ หรืออ่อนเข้าหาเพื่อให้ยอม" ส่วน "งอน นั้น หมายถึงแสดงอาการโกรธเคืองไม่พอใจ หรือทำจริตสะบัดสะบิ้ง" ในขณะที่ งอนง้อก็มีความหมายตามพจนานุกรมด้วยเช่นกัน หมายถึงอ้อนวอนขอคืนดีด้วย



นอก จากนี้ สองอาการนี้ตัดจากความรักของคนสองคนไม่ขาด หรือไม่ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของหญิง ชายอย่างเหนียวแน่น และมักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียด้วย



ผู้ชายก็งอนเป็น...

แม้ ว่าการงอนจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกหยิบยกให้เป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้หญิงไปแบบ ถาวร เขาว่าเธอน่ะแสนงอน แต่ก็บ่อยครั้งที่เรามักจะเห้นผู้ชาย "งอน" แล้วอาการงอนของผู้ชายก็จะเป็นงอนแบบผู้ชายๆ ผู้ชายหลายคนงอนแบบไม่ค่อยพูด ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะยอมตอบ หรือตอบแบบถามคำตอบคำ ผู้ชายบางคนงอนก็กระฟัดกระเฟียด หากจะสังเกตผู้ชายงอนก้ให้ดูจากการแสดงออกที่ตรงข้ามกับลักษณะนิสัยปกติของ เขานั่นเอง



...แล้วง้อเป็นหรือเปล่า

ผู้ชาย บางคนง้อไม่เป็นและไม่สนใจที่จะง้อเหมือนอย่างที่ว่ากันว่าผู้ชายจะใช้ต่อม ของ "ความรู้สึก" น้อยกว่า "เหตุผล" อยู่เสมอ และการทำเช่นคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับผู้หญิงโดยสิ้นเชิง จนบ่อยครั้งที่ผู้หญิงมักจะหาว่าผู้ชายชอบใช้สมองมากกว่าการมองอะไรๆด้วย หัวใจ แต่เมื่อผู้ชายรู้สึกผิดและคิดจะง้อเธอจริงๆ เขาอาจจะไม่แสดงออกโดยตรง แต่อาจอาศัยอาการเลี่ยงๆ ไปใช้เรื่องของดินฟ้าอากาศเป็นตัวช่วย แต่เชื่อว่าเราจะรู้ได้ว่านั่นเป็นการง้อในขณะที่บางคนก็พอใจและยินดีที่จะ เอ่ยขอโทษออกมาตรงๆ




ผู้หญิงขี้งอน...

ผู้ชาย บางคนก็มองว่าอาการงอนก็นับว่าเป็นความน่ารักข้อหนึ่งของผู้หญิง ในขณะที่งอนมากไปก็กลายเป็นน่ารำคาญ ควรที่จะงอนแต่พองาม อย่างไรเมื่องอนแล้วก็ลองหันกลับมาพิจรณาตนเองและนึกถึงจิตใจของเขาดูบ้าง เขาอาจจะกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาเครียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว พยายามเอาใจเนาไปใส่ใจเขาดูบ้างและในเมื่อการงอนนับเป็นการแสดงความรู้สึก อย่างหนึ่งที่สื่อสารว่าเธอยังแคร์เขา เราไม่ได้ห้ามไม่ให้งอนนี่นา



...ผู้หญิงก็ง้อเป็น



 ใน ขณะที่ผู้ชายมีลักษณะไม่สนใจการง้อเช่นที่กล่าวมาข้สงต้น มีผู้หญิงน้อยคนที่จะไม่สนใจเรื่องการง้อเพราะเธอมักเชื่อว่าการใช้ความรัก ด้วยการใช้ความรู้สึก เมื่อเธองอนและนอกจากเธอมักจะรอคอยการง้อและแสดงออกถึงการขอโทษจากเขาแล้ว เธออาจจะยอมง้อเขาเสียเองเมื่อรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายผิดเช่นเดียวกับผู้ชาย เหมือนกัน



งอนแล้วง้อ...อย่าให้รอนาน



 ทั้ง ผู้ชายและผู้หญิงต่างก็มีขีดจำกัดด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นถ้าใครงอนกันก็ขอให้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้ง้ออยู่ และแม้ว่ามันจะไม่ได้นับเป็นแบบฉบับตายตัวร้อยทั้วร้อยเป็นอย่างนั้น พองอนกันแล้วก็ควรทิ้งช่วงเวลาเพียงไม่นาน อย่างน้อยที่สุดก็ให้ต่างคนจะได้ใคร่ควรและไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น โดยปราศจากอารมณ์เพราะเชื่อว่า ณ ขณะที่สองคนไม่เข้าใจกันนั้น นับเป็นเวลาที่ทั้งสองคนพร้อมที่จะระเบิดอารมณ์โมโหเข้าใส่กัน ถ้าหากความรักของคุณยังคงอยู่ เราเชื่อว่าแค่การงอนกันมันคงไม่ทำให้ความรักของคุณเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด และพบเจอกับทางตันได้แน่



ทั้ง นี้อาการ "ง้อ" กับ "งอน" ก็ยังคงอยู่คู่กับโลกสีชมพูของความรัก การงอนของใครคนหนึ่งทำให้อีกคนรู้ว่ารัก สนใจ เละแคร์ในขณะที่การง้อของใครคนหนึ่งก็ทำให้อีกคนรู้ว่ายังรัก ยังสนใจ และยังแคร์ จะว่าไปแล้ว "ง้อ" กับ "งอน" ก็คงเป็นเหมือนกับความสมดุลของความรักในแง่มุมหนึ่งเหมือนกัน