ค้นหาบล็อกนี้
วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555
เมื่อคุณกำเนิดมาในโลกนี้ เธออุ้มคุณไว้ในอ้อมอก
คุณขอบคุณเธอโดยการร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ เธอป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ
คุณขอบคุณเธอโดยการงอแงทั้งคืนวัน
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ เธอสอนคุณเดิน
คุณขอบคุณเธอด้วยการวิ่งหนีเมื่อเธอเรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ เธอทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก
คุณขอบคุณเธอด้วยการโยนจานลงพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ เธอให้ดินสอสีคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการระบายสีบนโต๊ะอาหาร
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ เธอแต่งชุดเก่งให้คุณเพื่อไปเที่ยว
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำชุดเก่งนั้นเปื้อนโคลนเลอะเทอะ
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ เธอเดินไปส่งคุณไปโรงเรียน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกรีดร้องว่า "ไม่ไป!!!"
เมื่อคุณอายุได้ 7 ขวบ เธอซื้อบอลให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไปทำหน้าต่างของเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุได้ 8 ขวบ เธอซื้อไอศกรีมให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุได้ 9 ขวบ เธอสอนเปียโนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ เธอขับรถไปส่งคุณทั้งวัน ตั้งแต่สนามบอล, โรงยิม,
ยันงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนแต่ละคน
คุณขอบคุณเธอด้วยการกระโดดออกนอกรถ โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ เธอพาคุณและเพื่อนคุณไปดูหนัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการขอนั่งที่นั่งคนละแถว
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ เธอเตือนคุณอย่าดูทีวี
คุณขอบคุณเธอด้วยการรอเธอออกไปก่อน แล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 เธอแนะให้คุณตัดผมให้มันดูดี
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่าเธอไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย
เมื่อคุณอายุ 14 เธอจ่ายค่าซัมเมอร์แคมป์หนึ่งเดือนให้คุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเลยสักฉบับนึง
เมื่อคุณอายุ 15 เธอกลับบ้านหลังเลิกงาน อยากได้กอดสักครั้ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการล็อกห้องนอนขังตัวเองในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 เธอสอนคุณขับรถ
คุณขอบคุณเธอด้วยการเอารถไปขับทุกเวลาที่คุณจะเอาไปได้
เมื่อคุณอายุ 17 เธอกำลังรอโทรศัพท์สายสำคัญ
คุณขอบคุณเธอด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 18 เธอร้องไห้ในวันที่คุณเรียนจบมัธยม
คุณขอบคุณเธอด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 เธอจ่ายค่ากวดวิชา ขับรถไปรับไปส่ง
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกลาข้างนอกเพื่อที่จะไม่ได้อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 20 เธอถามคุณว่ามีแฟนหรือยัง
คุณขอบคุณเธอด้วยการพูดว่า ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย
เมื่อคุณอายุ 21 เธอแนะนำอาชีพให้คุณสำหรับอนาคต
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า คุณไม่อยากเป็นอย่างเธอ
เมื่อคุณอายุ 22 เธอกอดคุณวันรับปริญญา
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า อยากได้รางวัลไปเที่ยวยุโรปสักครั้ง
Whe
เมื่อคุณอายุ 23 เธอให้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งในอพาร์ตเมนท์แห่งแรกของคุณ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกเพื่อนๆ ว่า มันช่างน่าเกลียดเสียนี่กระไร
เมื่อคุณอายุ 24
เธอพบคู่หมั้นคู่หมายของคุณและถามคุณเกี่ยวกับแผนการในอนาคตน
คุณขอบคุณเธอด้วยการจ้องมองเขม็งพร้อมพูดว่า "แม่
โปรดเถอะอย่ายุ่งกับเรื่องนี้"
เมื่อคุณอายุ 25 เธอช่วยคุณจ่ายค่าใช้จ่ายงานแต่งงานและสินสอด
ร้องไห้และบอกคุณว่าเธอรักคุณแค่ไหน
คุณขอบคุณเธอด้วยการย้ายไปอีกฟากหนึ่งของประเทศ
เมื่อคุณอายุ 30 เธอโทรมาหาพร้อมกับแนะนำเรื่องการเลี้ยงเด็ก
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อคุณอายุ 40 เธอโทรมาเตือนความจำคุณเกี่ยวกับวันคล้ายวันเกิดญาติ
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่า ตอนนี้ไม่ว่างเลย
เมื่อคุณอายุ 50 เธอเริ่มชราและไม่ค่อยสบาย ต้องการให้ดูแล
คุณขอบคุณเธอด้วยการบอกว่ามันเป็นภาระแค่ไหนที่จะต้องเลี้ยงดูเธอ
และแล้ว วันหนึ่ง เธอจากไปอย่างเงียบสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยกระทำ
จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณอ
"เรียกแม่ไปเถอะลูก เรียกตลอดทั้งคืนนะ"
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถีงความลึกซึ้งแด่คนที่เราเรียกว่าแม่
แม้จะไม่กล้าพูดออกมาก็ตามเถอะ
ไม่มีอะไรแทนที่เธอได้
แม้ว่าบางคราวเธออาจจะไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรืออาจไม่เห็น
ด้วยกับความคิดของคุณ แต่เธอก็คือแม่ของคุณ
และเชื่อได้ว่าเธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังทุกปัญหาทุกความกังวล
ถามตัวคุณเองดูเถิด
คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้าความกังวลใจของเธอจากการทำงานหรือจากในครัวไหม
คุณเคยคิดถึงความเหนื่อยยากของเธอไหม
รักเธอให้มากแม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างกัน เพราะเมื่อเธอจากไป
จะเหลือเพียงความทรงจำและความเสียใจเท่านั้น
อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รักเธอให้มากกว่าที่คุณรักตัวเอง
วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555
เรื่อง พระคุณแม่...โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ท่านโปรดจำไว้วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เพราะวันที่ลูกเกิดนั้น แม่อาจต้องเสียชีวิต การออกศึกสงครามเป็นการเสี่ยงชีวิตสำหรับคนเป็นพ่อฉันใด การคลอดลูกก็เป็นการเสี่ยงตายสำหรับคนเป็นแม่ฉันนั้น ในสมัยโบราณที่วิทยาการต่างๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนสมัยนี้ อัตราการตายเพราะคลอดลูกมีสูงมาก คนโบราณเขาจึงกล่าวว่า วันเกิดของลูกคือวันตายของแม่ เมื่อคลอดลูกแล้ว "แม่" ก็ยังต้องประคบประหงมเลี้ยงดู ให้ดื่มเลือด ในอกเป็นอาหาร ยามที่ลูกเจ็บป่วยก็อมยาพ่น ฝนยาทา รักษากันไปตามมีตามเกิด แม่เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ กระทั่งลูกแต่งงานมีเหย้ามีเรือนไปแล้ว แม่ก็ยังเฝ้าห่วงใยรักใคร่ไม่จืดจาง
ตั้งแต่อาตมาคอหัก หายใจทางสะดือ ได้พองหนอยุบหนอคิดถึงแม่ทุกลมหายใจ อาตมาเห็นความทุกข์อย่างแสนสาหัสของคนเป็นแม่ ก็ตอนที่เป็นหมอตำแยทำคลอดให้ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านพ้นมาห้าสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังจำภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ติดตาติดใจมากระทั่งทุกวันนี้
สมัยนั้นอาตมาอายุสิบหก แต่ยังไม่ประสีประสาอะไร ยังเปลือยกายกระโดดน้ำตูมๆ กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่เด็กสมัยนี้อายุสิบหกเป็นหนุ่มกันแล้ว ตอนนั้นอาศัยอยู่กับยาย ลำบากลำบนมาก ต้องหาเงินเรียนเอง ตื่นตั้งแต่ตีสาม หาบของไปขายที่ตลาดบางขาม ห่างจากบ้านไป 14 กิโลเมตร ถึงตลาดตี 4 กว่า ก็นั่งขายของซึ่งเป็นพวกผักสวนครัวที่ช่วยกันปลูกกับยาย พอตีห้าก็ขายหมด บางวันขายไม่ค่อยดีก็ไปหมดเอา 7 โมง จากนั้นก็หาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน หิวข้าวก็ต้องอดทน เพราะยายสั่งไม่ให้ซื้อเขากิน ให้กลับมากินบ้านเรา ยายว่าซื้อเขากินมันแพง จานละตั้งสามสตางค์ สู้กลับมากินข้าวที่บ้านไม่ได้ อาตมาก็จำเป็นต้องเชื่อยาย บางทีกว่าจะถึงบ้านหิวแทบลมจับ
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่อาตมาหาบกระจาดเปล่ากลับบ้าน ก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางทาง เขากำลังท้องแก่ จะเดินทางไปคลอดลูกที่บ้านแม่ของเขา ที่ต้องเดินทางไปคลอดบ้านแม่ เพราะเขาอยู่กับพ่อผัวแม่ผัว ซึ่งรังเกียจว่าเขาจนและไม่ยอมช่วยเหลือเกื้อกูลแต่ประการใด เดินทางไปได้ครึ่งทางก็เกิดปวดท้องนอนร้องครวญครางอยู่ใต้ต้นไทร พอเห็นอาตมาเดินผ่านมาเขาก็ดีใจร้องบอกกับอาตมาให้ช่วยเขาด้วย เขาปวดท้องใจจะขาดอยู่แล้ว ช่วยเอาลูกออกให้ที อาตมาถึงจะอายุสิบหกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาออกลูกกันอย่างไร ผู้ใหญ่เขาเคยพูดให้ฟังว่าเขาออกลูกทางปาก บางคนก็บอกออกทางสะดือ บางคนก็ว่าออกทางก้น อาตมาก็เชื่อนึกว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ ที่แท้ก็ถูกผู้ใหญ่หลอก เพิ่งมารู้ความจริงตอนทำคลอดครั้งนี้นั่นแหละ
ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ร้องใหญ่บอกปวดมากแล้วก็เป็นลูกท้องแรก จึงยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการคลอดลูกมาก่อน ได้ยินเขาร้องโอยๆ อาตมาก็ทำอะไรไม่ถูก เลยถามเขาว่าจะให้ช่วยอย่างไร เขาก็บอกช่วยดึงเด็กออกจากท้องให้เขาที มันกำลังจะออกแล้ว อาตมาก็ยังงงอยู่เลย นึกถึงเทวดา ก็นึกตามประสาเด็กๆ ไม่รู้ว่าเทวดามีจริงหรือเปล่า แต่ยายเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ ก็คิดว่าคงจะมีมั้ง เลยประนมมือบอก รุกขเทวดาประจำต้นไทรให้ช่วย แล้วก็ร่ายคาถาชุมนุมเทวดาที่ยายเคยสอนจนจำได้ขึ้นใจ พอว่าคาถาจบ เทวดาเข้าสิงอาตมาเลย ที่รู้ว่าเทวดาเข้าสิงเพราะท่านมากระซิบข้างหูว่า "ดึงเด็กออกมา ดึงเด็กออกมา" อาตมาถาม "ดึงยังไง เด็กอยู่ที่ไหน" เทวดาบอก "อยู่ในท้อง เอามือล้วงเข้าไปในผ้านุ่งก็จะเจอหัวเด็ก" อาตมาก็ทำตามดึงพรวดสุดแรงเลย เสียงผู้หญิงร้องกรี๊ดและสลบเหมือดไป
อาตมาก็ตกใจเพราะเห็นไส้ยาวๆ ติดตัวเด็กออกมา คิดว่าเราคงดึงไส้ผู้หญิงคนนั้นออกมาหมดท้องกระมัง เขาคงต้องตายแน่ๆ จะทำยังไงดีหนอ เสียงเทวดากระซิบข้างหูว่า "ไม่ตายหรอก แค่สลบไปเท่านั้น" ไปจัดการตัดสายรกให้เด็กก่อน ที่เธอเห็นนั้นแหละเรียกว่า สายรก ไม่ใช่ไส้เขาหรอก" อาตมาก็ถามว่า "เอาอะไรตัดล่ะ มีดพร้าก็ไม่มี" เทวดาบอก "เอาเล็บของเธอนั่นแหละ จิกแน่นๆ แล้วดึง มันจะขาดเอง" สมัยนั้นหนุ่มรุ่นๆ เขานิยมไว้เล็บยาวกันเรียกว่าเป็นแฟชั่น อาตมาก็ไว้กับเขา คือเขาจะไว้เล็บข้างละสองนิ้ว นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วก้อย อาตมาก็ทำตามที่เทวดาบอก พอรกขาดเลือดพุ่งเลย เด็กส่งเสียงร้องอุแว้ๆ ลั่นป่า เทวดาบอกอีกว่า "ไปเอาฝุ่นมาโรงตรงแผล" อาตมาก็กอบฝุ่นโรยลงไป ปรากฏว่าเลือดหยุดไหลแต่เด็กไม่หยุดร้อง เทวดาก็กระซิบข้างหูอีกว่า "ดูดเลือดที่คั่งในปากออกมา" อาตมาก็เอามือง้างปากเด็ก ดูดเลือดและเสมหะออก แล้วบ้วนทิ้ง ไม่ได้นึกรังเกียจ เพราะกลัวเด็กจะตาย
เทวดาบอกอีกว่า "เอากระบอกไปตักน้ำมาหยอดปาก" พอดีมีกระบอกไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ที่กิ่งไทร ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครนำไปแขวนไว้ ข้างๆ ต้นไทรมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง อาตมาจึงหยิบกระบอกเดินไปตักน้ำมาหยอดใส่ปากเด็ก เจ้าหนูหยุดร้องไห้เลย ดูดหยดน้ำจากนิ้วมืออาตมาเสียงดังจั๊บๆ เป็นภาพที่ซึ้งใจอาตมามาจนถึงทุกวันนี้ ได้เห็นสัญชาติญาณการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ก็ตอนที่เจ้าหนูดูดน้ำจากนิ้วมือนี้แหละ พอได้น้ำเจ้าหนูก็หยุดร้อง ส่วนแม่นั้นสักพักเขาก็ฟื้นถามว่า "ลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย" พอรู้ว่าได้ลูกชายก็ดีใจ อาตมาก็เลยช่วยพากลับบ้านทั้งแม่ทั้งลูก หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของตลาดท่าแค ลพบุรี ร่ำรวยมาก นี่แหละที่ทำให้อาตมาเห็นใจคนเป็นแม่และรักแม่มาตั้งแต่บัดนั้น อาตมาสงสารลูกผู้หญิงมาก เห็นคนท้องเดินมาก็จะแผ่เมตตาขอให้เขาคลอดง่าย เพราะเราเห็นว่าการคลอดลูกนั้นเป็นการเสี่ยงชีวิตเหมือนการออกศึกสงครามที เดียว
เดี๋ยวนี้อาตมาไม่สอนคนแก่เพราะคนแก่ไม่มีพิษมีภัย อีกไม่นานก็ตายแล้ว สอนเด็กรุ่นใหม่แทนเพราะเมื่อคนรุ่นใหม่ดี รุ่นต่อๆ ไปก็จะดีไม่เป็นวายร้ายหรือภัยสังคม สอนเด็กว่าวันเกิดของเราอย่าพาเพื่อนมาให้พ่อแม่ทำครัวเลี้ยงนะ เธอจะบาป ทำมาหากินไม่ขึ้น เธอต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้อิ่มก่อน แล้วจึงไปเลี้ยงเพื่อนทีหลังจึงจะถูกต้อง
พ่อแม่เลี้ยงลูกเปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ ปลูกอย่างมีระเบียบแบบแผน ต้นไม้ก็จะขึ้นอย่างมีระเบียบสวยงามตามแบบตามแผนที่วางไว้ ถ้าปลูกอย่างไม่มีระเบียบปลูกตรงโน้นต้นหนึ่ง ตรงนี้ต้นหนึ่ง นึกจะปลูกตรงไหนก็ปลูก เกะกะเต็มไปหมด มองดูรกรุงรัง หาความสวยงามไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้จะไปโทษต้นไม้ว่ามันขึ้นไม่เป็นระเบียบจะถูกหรือ จะต้องโทษคนปลูก เพราะคนปลูกไม่มีระเบียบ ต้นไม้จึงขึ้นอย่างไม่มีระเบียบ
ความรักของแม่มีหลายรูปแบบ มีแม่คนหนึ่งมาบอก "หลวงพ่อเจ้าคะ ดิฉันเลี้ยงลูกมานี่ ลูกมันไม่เอาไหนเลย ขอมาฝากบวช 7 วัน" บอกเสร็จก็ออกไปสักครู่ก็กลับมาอีก กำชับอีกว่า "สอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" ออกไปอีก กลับมาย้ำอีกทีว่า "ช่วยสอนลูกฉันให้ดีๆ นะ" อาตมาก็ต้องเรียกเข้ามานั่ง แล้วให้คติธรรม "นี่โยมน่ะเป็นแม่เขาใช่ไหม" "ใช่เจ้าค่ะ" "โยมสอนลูกมาตั้ง 20 ปี เอาดีไม่ได้ แล้วจะมาให้อาตมาสอน 7 วันจะดีหรือ" อย่างนี้ต้องเรียกว่าจะมากไป สอนลูกไม่เอาไหน ไม่ใช่ลูกไม่ดีนะ ตัวแม่ไม่ดี ไม่เคยสอนลูกสวดมนต์ไหว้พระเลย อยากให้ลูกดีต้องสอนให้ลูกสวดมนต์ ลูกจะมีระเบียบวินัย โตขึ้นไม่เถียงพ่อเถียงแม่ เมื่ออยู่ในวัยศึกษาก็รับผิดชอบสูง แม้ไปศึกษายังต่างประเทศลูกจะวางตัวดี พ่อไม่ไม่ต้องคอยติดตามทุกฝีก้าวทุกระยะ
อีกรายเป็นแม่ปริญญาโท มาให้อาตมาช่วยเป่าหัวให้ลูกชายหน่อยจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อาตมาบอก "ขอเจริญพร ขอตั้งสติสักนาที" คิดหนอ เห็นหนอ แม่คนนี้หนอ เป่าให้ไม่ได้หนอ เป่าแล้วเสียลมจากคอเราหนอ เมื่อคืนนี้แม่เอาหนังมาดูถึงตอนตี 2 นี่หรือจะให้เป่าหัว เป่าแทบตายก็ไม่ได้เรื่อง จึงบอกไปว่า "หนู หลวงพ่อเป่าไม่ได้ เมื่อคืนดูหนังอะไรกัน" ลูกชายบอก "จริงหลวงพ่อ ตี 2 ผมง่วง ยังดึงผมหยิกผมให้ลุกมาดูด้วย" แม่อย่างนี้จะให้สอบเข้าได้อย่างไร อย่างนี้พระเป่าหัวก็เป็นพระโง่ เพี้ยงดีๆ ยังไง เป่าแล้วดีเป่าแล้วรวย แต่ขี้เกียจสะบัดอย่างนี้ก็ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ช่วยตัวเองก่อน
ขอฝากไว้คนที่เป็น "แม่" นั้นต้องทำให้ถูกต้อง ถูกบทหมดจดเหมาะเจาะอยู่ที่ "แม่" ส่วนพ่อมีความสำคัญไม่เท่าแม่ พ่อเปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ส่วนแม่เปรียบเสมือนพระจันทร์ หากพ่อเล่นการพนันไม่เอาไหนไม่เป็นไร แม่นั้นสำคัญมาก แม่จะต้องรักษาลูกไว้ แม่ที่ดีต้องเป็นแม่แบบแม่แผน แม่แปลน แม่บันได แม่บ้านแม่เรือน แม่เคหะศาสตร์ แม่แผนผัง แม่กุญแจอยู่ตรงนี้
ลูกจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับแม่เป็นหลักให้ลูก ไม่ใช่พ่อ ถึงพ่อแสนดี แม่ฉุยแฉกแตกราน สุรุ่ยสุร่ายไม่เอาไหน ไม่รู้จักเก็บงำทำให้ดี ไม่เป็นแบบที่ดีของลูก รับรองบ้านนั้นเจ๊งแน่ๆ ถ้าพ่อดีแม่ดีเปรียบเสมือนอาคารแน่นลูกดีมีปัญญา เหมือนมีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงประดับบ้าน ฉะนั้น พ่อแม่เท่านั้นที่ทำความดีให้กับลูก ทำถูกให้กับหลาน เป็นกฎแห่งกรรม จากการกระทำของพ่อแม่ ทำให้ลูกชอบ พูดให้ลูกเชื่อ ตามใจในสิ่งที่ถูก ทำตัวอย่างให้ลูกดู สร้างความดีให้ลูกเห็น โบราณท่านว่าไว้ อย่าอยู่ว่าง อย่าห่างผู้ใหญ่ ลูกจะหลงทางได้ง่าย
อีกเรื่องต้องเรียกว่า หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กประถม 4 คนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นดอกเตอร์อยู่สหรัฐอเมริกา พ่อกินเหล้า สูบกัญชายาฝิ่น ชอบเล่นการพนัน ตีไก่อยู่ที่บางระจัน สิงห์บุรี แม่ก็หาหวยตามวัด อาตมาดูหนูคนนี้แล้วบอกต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่ จดไว้เป็นกฎแห่งกรรม ติดตามดูแลโดยต่อเนื่อง อาตมาประสบมาเราก็ต้องจดต้องจำ จึงจะกำหนดจดจำ ก็จดชื่อไว้ บอกเด็กไปว่าหลวงพ่อจะสอน จะให้ตังค์ไป 100 บาท ถามว่า เขาเกิดวันอะไร เขาบอกเกิดวันอังคาร หลวงพ่อสอนเด็กคนนี้ครั้งเดียวจำได้
บอกวันเกิด หนูซื้อขนม 2 ห่อ เรียกพ่อแม่มาคู่กันแล้วกราบนะลูกนะ พ่อก็เมา แม่ก็บอกเดี๋ยวจะรีบไปวัด ลูกก็บอกเดี๋ยว ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไปไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา 2 ห่อ ให้แม่ก่อน 1 ห่อ เพราะแม่อุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก 1 ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีต่อพ่อแม่แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง แล้วลูกจะเรียนหนังสือให้เก่งให้ก้าวหน้า พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วง สร่างเมาเลย ส่วนแม่ก็ร้องไห้ ลูกไปโรงเรียนแล้ว พ่อแม่ก็สำนึกได้บอกลูกมันปฏิญาณตนเป็นคนดีแล้ว เรายังทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกดูอีกหรือ ตกลงพ่อแม่ก็ปฏิญาณตนกัน พ่อก็บอกข้าจะเลิกสูบกัญชา เลิกกินเหล้า และข้างฝ่ายแม่ก็เลิกหาหวยตามวัด ลูกจบปริญญาโทที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปต่อดอกเตอร์ที่สหรัฐฯ ได้ดีแล้วเขาก็ไม่ลืมวัดอัมพวัน ไม่ลืมอาตมา ยังมาทำบุญถวายข้าวสารทีละ 50 กระสอบ
อาตมาไม่สอนใครไปสู่สวรรค์นิพพาน แต่สอนกรรมฐานให้ระลึกชาติได้ ระลึกบุญคุณคนได้ นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงตัวเองและสงสารตัวเอง จะได้ทำแต่สิ่งดีๆ แค่นี้พอก่อน บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่ ไม่งั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังเลยดำน้ำไม่โผล่
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่เหลือจะนับจะประมาณนั้น คือหนี้พระคุณของบิดามารดา คำพังเพยเปรียบเทียบสั่งสอนมาสองพันกว่าปีแล้ว ว่าจะเอาท้องฟ้าหรือแผ่นดินมาเป็นกระดาษ เอาเขาพระสุเมรุมาศมาเป็นปากกา จะเอาน้ำมหาสมุทรมาเป็นน้ำหมึก ก็ไม่สามารถจะจารึกพระคุณของบิดามารดาไว้ได้ เพราะน้ำในมหาสมุทรจะเหือดแห้งหมด ก่อนที่จะจารึกพระคุณบิดามารดาได้จบสิ้น คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่รักหรือยอดหัวใจก็ยังมีโทษแก่ตัวเรา รักเราไม่จริงเหมือนบิดามารดา เขาพึ่งเราได้จึงมารักเรา
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึกรามบ้านช่องมาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว เรียนสำเร็จแล้วยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้างรับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
คนไม่ทำกิจวัตร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ แปลว่า คนนั้นเกลียดตัวเอง กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน เที่ยวสรวลเสเฮฮา กินโต้รุ่ง พ่อแม่ก็เสียใจยังไปว่าพ่อแม่ ไปทวงหนี้ เอาทรัพย์สมบัติพ่อแม่มาฉุยแฉกแตกราน นี่คือลูกสะสมหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้ เดี๋ยวนี้ตัวเราไม่สงสารแล้วกินเหล้าเข้าไป ทรัพย์สมบัติพ่อแม่ให้มาก็ขายแจกจ่ายให้หมด ไม่มีเหลือเลย ตัวเองก็จะขายตัวกิน ขายตัวเองเขาก็ไม่เอาอีก เพราะขี้เกียจเช่นนี้ ขอฝากท่านเป็นข้อคิด พ่อแม่นั้นมีบุญคุณต่อเรามากในมาตาปิตุคุณสูตร พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่า ลูกจะให้แม่นั่งบนบ่าขวา ให้พ่อนั่งบนบ่าซ้าย ถ่ายอุจจาระปัสสาวะลงไปบนบ่าลูก ลูกเป็นผู้เช็ดให้ หาอาหารมาป้อนให้ กระทั่งจนท่านตายหรือกระทั่งลูกตายไป ก็ไม่สามารถจะตอบแทนพระคุณค่าป้อนข้าวป้อนน้ำนมที่ท่านได้ถนอมกล่อมเกลี้ยง บำรุงเลี้ยงมาอย่างดีได้
ทำอย่างไรให้ได้ชื่อว่า ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่อย่างเลิศที่สุด สรุปคือ ถ้าพ่อแม่เป็นมิจฉาทิฏฐิแล้ว ลูกสามารถชักจูงพ่อแม่ให้กลับเป็นสัมมาทิฎฐิได้นั้น ถือว่าได้ทดแทนคุณอย่างเลิศ เช่น พ่อแม่มีความเห็นผิด เป็นต้นว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ แล้วลูกสามารถชักจูงชี้แจงให้ท่านมีความเห็นที่ถูกต้อง เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว บุญบาปมีจริง ถ้าทำอย่างนี้ได้ถือว่า ทดแทนบุญคุณอย่างเลิศที่สุด
วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลยลูกทั้งหลายเอ๋ย จงสร้างความดีให้กับตัวเองและก็เป็นการใช้หนี้ตัวเองนี่เป็นเรื่องสำคัญ ตัวเราพ่อให้หัวใจแม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้วอยู่ในตัวเรา จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหนอีกเล่า บางคนรังเกียจ "แม่" ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้วก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการมาเจริญกรรมฐานแล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ ถือว่าได้บุญมากที่สุดทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
ถ้าไม่มี "แม่" เราทุกคนก็ไม่ได้เกิด อันนี้เป็นความจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ ผู้ใดก็ตามที่คุณแม่ยังมีชีวิตก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอศีลขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่านก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรมล้างเท้าให้ท่าน ด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ
ระวัง 5 โสเภณีติดเอดส์ขายตัวช่วง ยูโร 2012
เดอะ ซัน แท็บลอยด์หัวดังประจำเกาะอังกฤษ เผยข้อมูลอันน่าตกใจเป็นการเตือนแฟนบอลที่จะเดินทางไปชมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคมนี้ ให้ระวังสาวขายบริการที่ล้วนต่างมีเชื้อเอชไอวี แม้เธอเหล่านี้ยืนยันจะป้องกันเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นพาหะก็ตาม
4 สาวถ่ายภาพหน้าสนาม ดอนบาสส์ อารีนา ใน โดเนทส์ค
รายงานระบุเกือบหนึ่งใน 5 ของสาวขายบริการในยูเครนล้วนติดเชื้อเอชไอวี โดยหนึ่งในเจ้าภาพร่วม ยูโร 2012 ถือเป็นประเทศยุโรปที่มีคนติดเชื้อมากที่สุด 500,000 คนคิดเป็นมากกว่า 1เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งหมดของประเทศ 46 ล้านคน แท็บลอยด์จอมฉาวเมืองผู้ดีได้พูดคุยกับ 5คนที่ติดเชื้อเพื่อเตือนให้แฟนบอลอังกฤษระวัง โดยถูกวางให้อยู่กลุ่ม ดี ร่วมกับ ยูเครน ฝรั่งเศส และ สวีเดน
เคท วัย 24 ปีที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เธอหัวเราะร่วนพร้อมพูดว่า "แฟนบอลอังกฤษจะทำให้ฉันเป็นเศรษฐี ค่าตัวคงไม่เพิ่มจาก 63 ปอนด์ (ประมาณ 3,150 บาท) ต่อครั้ง แต่ลูกค้าจะมากขึ้นจนทำเงินได้ต่อวันถึง 700 ปอนด์ (ประมาณ 35,000 บาท)"
โดยสาวผมบลอนด์ที่ติดเชื้อตอนอายุ 19 ปี หลังจากมีเซ็กซ์กับแฟนเผยอีกว่า "แน่นอนฉันไม่บอกลูกค้าหรอกว่าติดเชื้อ แต่จะระมัดระวังมากกว่า ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ถือว่าโชคดีที่ไวรัสไม่ทำให้ป่วย เพราะกินยาทำให้มีภูมิคุ้มกันผู้หญิงมากมายที่ ยูเครน ก็เป็นแบบฉัน"
"ตัวเลขอย่างเป็นทางการมีผู้หญิงขายบริการ 17 เปอร์เซนต์ที่ติดเชื้อ แต่เราเชื่อว่ามีมากกว่า แม้ว่าจะเสี่ยง แต่ก็จะป้องกันทุกวิถีทางเวลาทำงาน เนื่องจากธุรกิจกำลังจะเฟื่องฟูช่วงซัมเมอร์นี้" เคท ทิ้งท้าย
ส่วน ทาเทียนา วัย 18 ปีนัยน์ตาสีฟ้าติดเชื้อเมื่อ 2 ปีก่อนจากการใช้ยา ไม่เคยท้อแท้ต่อโชคชะตาโดยกล่าวว่า "ฉันโชคดีที่หมอบอกว่าภูมิคุ้มกันแข็งแรงจึงสามารถทำงานต่อไป วันๆ หนึ่งก็ได้ราว 500 ปอนด์ (ประมาณ 25,000 บาท) เทียบกับ 3 เดือนที่ทำงานในร้านทั่วไป ดังนั้นทำไมจะต้องเลิกด้วยล่ะ ที่สำคัญฉันก็จะป้องกันลูกค้าอย่างดี"
แอนยา วัย 21 ปีสาวผมบลอนด์ที่เพิ่งให้กำเนิดลูกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตั้งใจจะทำงานแบบเต็มที่เพื่อกอบโกยเงิน แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องหาพี่เลี้ยงเด็กให้ได้ก่อน "ฉันมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมจะต้องหยุด เพราะตราบใดที่ฉันระวังตัวก็มีโอกาสดีที่จะทำเงินได้ต่อไป"
ส่วน โรส วัย 44 ปีที่เคยมีประวัติติดยาเสพติดมาก่อน มีข้อเสนอชั้นยอดที่ชายหลายคนปฎิเสธไม่ลงคือดื่มดำกับเซ็กซ์พร้อมดูบอลที่ ดอนบาสส์ อารีนา สนามที่ทีมชาติอังกฤษมีโปรแกรมลงเตะรอบแบ่งกลุ่ม "คงเป็นความฝันของผู้ชายที่ได้ดูบอลพร้อมกับมีเซ็กซ์และดื่มแชมเปญ ถ้าพร้อมจ่ายเพื่อบ็อกซ์วีไอพีและตัวฉันก็จะถือเป็นการทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยม"
ปิดท้ายด้วย ยานา วัย 43 ปีกล่าวทิ้งท้ายว่า "แฟนบอลอังกฤษต้องการผู้หญิงอย่างเราๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้และไม่ต้องกังวลว่าเชื้อเอชไอวีจะทำให้ตาย เราจะไม่แพร่ให้ใครเด็ดขาด"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)